
สารสกัดบรอมีเลน (Bromelain Extract) จากสับปะรด

Bromelain Pineapple Extract – เปลี่ยนของเหลือเกษตรให้กลายเป็นนวัตกรรมสุขภาพและความงามระดับโลก
สับปะรดถือเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ไม่เพียงแค่สร้างรายได้จากการส่งออกสับปะรดสดหรือสับปะรดกระป๋องเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพในการสร้างคุณค่าใหม่ผ่านงานวิจัยและนวัตกรรม โดยเฉพาะการสกัดเอนไซม์บรอมีเลน (Bromelain) จากส่วนเหง้าและแกนของสับปะรด ซึ่งปกติมักเป็นเศษเหลือที่ถูกทิ้งไป การนำเอาของเหลือเหล่านี้มาต่อยอดจึงไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาขยะการเกษตร แต่ยังสามารถสร้างผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงที่ตอบโจทย์ตลาดสุขภาพและความงามได้อย่างยั่งยืน
เบื้องหลังการค้นพบศักยภาพของบรอมีเลนในไทย เกิดจากงานวิจัยยาวนานกว่า 15 ปีโดยนักวิจัยไทย ซึ่งพบว่าสารนี้มีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ ทั้งต้านการอักเสบ ลดบวมช้ำหลังการผ่าตัด บรรเทาอาการปวดข้อ เสริมระบบย่อยอาหาร และที่สำคัญคือช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสีผิว ทำให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำได้อย่างเป็นธรรมชาติ คุณสมบัติที่หลากหลายนี้ทำให้บรอมีเลนกลายเป็นสารออกฤทธิ์ที่ตอบโจทย์ทั้งตลาดเสริมอาหารและเครื่องสำอาง
ในด้านความงาม บรอมีเลนเป็นที่ยอมรับว่าอ่อนโยนต่อผิว สามารถผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออกอย่างอ่อนโยนโดยไม่ระคายเคืองเหมือนกรดผลไม้ทั่วไป อีกทั้งยังช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบจากสิวหรือผื่น ทำให้ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Whitening, Anti-acne และ Soothing care ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนในด้านสุขภาพ บรอมีเลนถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อช่วยย่อยโปรตีน ลดอาการอาหารไม่ย่อย เสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังการบาดเจ็บหรือผ่าตัด โดยมีงานวิจัยยืนยันถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
คุณสมบัติของสับปะรด (บรอมีเลน)




ช่วยให้ผิวกระจ่างใส (Whitening): ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ลดความหมองคล้ำของผิว
ลดเลือนจุดด่างดำ (Reduce dark spots) : กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ลดรอยดำและจุดด่างดำอย่างอ่อนโยน
ลดการอักเสบ (Anti-inflammatory): ลดอาการอักเสบทั้งบนผิวหนัง (เช่น ผดผื่น สิว) และการอักเสบภายในร่างกาย เช่น ลดบวมช้ำหลังผ่าตัด ลดปวดข้ออักเสบ
ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) : มีสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสื่อมและชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
คุณสมบัติหลากหลายประการข้างต้น ครอบคลุมทั้งด้านความงามและสุขภาพ ทำให้บรอมีเลนเป็นสารออกฤทธิ์ที่สามารถต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายประเภท ดังที่จะกล่าวถึงต่อไป
การนำไปใช้ประโยชน์ของสารสกัดบรอมีเลนจากสับปะรด
อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงาม (Cosmetic Industry)

ด้วยคุณสมบัติในการ ลดการอักเสบ ของผิวและ ผลัดเซลล์ผิว อย่างอ่อนโยน สารสกัดบรอมีเลนจากสับปะรดจึงถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลากหลายชนิด โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผิวกระจ่างใสและลดริ้วรอย จุดด่างดำ เช่น เซรั่มหรือครีมลดจุดด่างดำ, ครีมผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน, ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแบบเอนไซม์, สครับผิวกาย, และผลิตภัณฑ์ลดการอักเสบของผิวต่างๆ เอนไซม์บรอมีเลนจะเข้าไปย่อยเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกเร็วขึ้นโดยไม่ต้องใช้กรดรุนแรง จึงเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสและเรียบเนียนกว่าเดิม ทั้งยังช่วยปลอบประโลมผิวที่ระคายเคืองหรือมีการอักเสบ (เช่น สิวผด) ให้สงบลงได้เร็วขึ้น ด้วยเหตุนี้บรอมีเลนจึงกลายเป็นส่วนผสมยอดนิยมในผลิตภัณฑ์ เวชสำอาง (cosmeceuticals) สมัยใหม่ ที่ต้องการผสานประสิทธิภาพในการบำรุงเข้ากับความอ่อนโยนปลอดภัยต่อผิว
ที่สำคัญ สารสกัดบรอมีเลนจากสับปะรดมีความอ่อนโยนจนสามารถใช้ได้กับผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่ายและผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งผิวมักบางและระคายเคืองง่าย นอกจากนี้ ในผลิตภัณฑ์กันแดดบางชนิดก็มีการผสมบรอมีเลนเพื่อเสริมการปกป้องผิวจากการอักเสบแดงและจุดด่างดำหลังโดนแดดอีกด้วย ทั้งนี้มีงานวิจัยรองรับว่าสารสกัดบรอมีเลนไม่มีความเป็นพิษหรือระคายเคืองต่อเซลล์ผิวคน จึงใช้ได้อย่างมั่นใจในเครื่องสำอาง ตัวอย่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารนี้ เช่น ครีมกันแดดผสมเอนไซม์บรอมีเลน, เจลแต้มสิวลดรอยแผลเป็น, ซึ่งผ่านการทดสอบแล้วว่าให้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยต่อผิว
อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Food Supplement Industry)

โบรมีเลนถูกใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมายาวนาน โดยบทบาทหลักคือเป็น เอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร ตามธรรมชาติ นิยมผสมในรูปเอนไซม์รวมสำหรับช่วยย่อยโปรตีน (digestive enzyme complex) หรือทำเป็นแคปซูลบรอมีเลนเดี่ยวๆ สำหรับรับประทานก่อนอาหาร เพื่อบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย แน่นท้อง หรือภาวะขาดเอนไซม์ย่อยอาหารบางชนิด การเสริมบรอมีเลนช่วยให้ร่างกายย่อยและดูดซึมโปรตีนจากอาหารได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดโอกาสเกิดแก๊สหรือลำไส้แปรปรวนหลังมื้ออาหาร
นอกจากนี้ บรอมีเลนยังมีคุณสมบัติ ต้านการอักเสบและบรรเทาอาการปวด ที่โดดเด่น จนมีการนำมาใช้เป็นทางเลือกเสริมในการดูแลอาการข้อเข่าเสื่อมและข้ออักเสบรูมาตอยด์ โดยงานวิจัยพบว่าการรับประทานโบรมีเลนในขนาดประมาณ 500–1,000 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถลดอาการอักเสบและอาการเจ็บปวดข้อเข่าได้ใกล้เคียงกับการใช้ยาแก้อักเสบบางชนิด แต่มีความปลอดภัยสูงกว่า ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาหรือผู้ที่เพิ่งผ่าตัดก็อาจได้รับคำแนะนำให้ทานเอนไซม์ชนิดนี้ เพื่อช่วยลดบวมช้ำและเร่งการฟื้นตัวของร่างกายหลังการผ่าตัดอีกด้วย นอกจากด้านข้อและการย่อยอาหารแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิดที่ผสมบรอมีเลนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวม เนื่องจากเอนไซม์นี้มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการกำจัดเชื้อโรคและเซลล์แปลกปลอม อีกทั้งยังมีรายงานว่าอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด ขจัดไฟบรินในหลอดเลือด จึงดีต่อระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจด้วย
โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบรอมีเลนจะอยู่ในรูปผงบรรจุแคปซูลหรืออัดเม็ด ขนาดความแรงมักวัดเป็น GDU (Gelatin Digesting Units) ซึ่งเป็นหน่วยวัดกิจกรรมการย่อยโปรตีนของเอนไซม์ เช่น 2,000 GDU เป็นต้น ผู้บริโภคควรเลือกผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับเอนไซม์ที่ยังคงความสามารถในการทำงานอย่างเต็มที่
ZUBB BIOTECH ได้นำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาพัฒนาผลิตภัณฑ์บรอมีเลน 3 รูปแบบที่เหมาะกับการใช้งานหลากหลาย ได้แก่:
- PuriBrome: บรอมิเลนบริสุทธิ์จากเหง้าสับปะรด ผงบริสุทธิ์สูง เหมาะกับการใช้ในสูตรที่ต้องการความเข้มข้นสูงและการควบคุมปริมาณที่แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นในเครื่องสำอางพรีเมียม หรืออาหารเสริมที่ต้องการความแตกต่าง
- LipoBrome: บรอมีเลนรูปแบบลิโพโซม (Liposomal Bromelain) ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมและเสถียรภาพของเอนไซม์ เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ต้องการประสิทธิภาพการออกฤทธิ์สูงและการคงตัวในระบบทางเดินอาหาร
- Bromelyte: บรอมีเลนสกัดเข้มข้นทั้งแบบผงและของเหลว ต้นทุนเข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาสูตรอาหารเสริมหรือเวชสำอางที่ยังคงคุณค่าธรรมชาติของสับปะรดอย่างครบถ้วน
ผลิตภัณฑ์ทั้งสามของ ZUBB BIOTECH มาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยสากล ปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน และน้ำหอม พร้อมเอกสารรับรองคุณภาพ CoA, PDS และ MSDS รองรับ Clean Label เพื่อการส่งออกสู่ตลาดโลก
Reference List
Pavan, R., et al. (2012). Properties and therapeutic application of bromelain: a review. Biotechnology Research International. https://doi.org/10.1155/2012/976203
Maurer, H.R. (2001). Bromelain: biochemistry, pharmacology and medical use. Cellular and Molecular Life Sciences, 58, 1234–1245.
Arshad, Z.I.M., et al. (2014). Bromelain: an overview of industrial application and purification strategies. Applied Microbiology and Biotechnology, 98, 7283–7297.